วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บทความวิทยาศาสตร์


บทความวิทยาศาสตร์


ผู้เขียน: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ บุบผา เรืองรอง 
อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
ระดับ : อนุบาลหมวด: เกี่ยวกับอนุบาล

สอนลูกเรื่องเสียง


บทนำ


                  การสอนลูกเรื่องเสียง (Teaching Children about Sound) หมายถึง การจัดกิจกรรมให้เด็กปฐมวัยได้เรียนรู้เกี่ยวกับคลื่นที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ เมื่อวัตถุสั่นสะเทือนทำให้เกิดการขยายตัวของคลื่นเสียง และถูกส่ง ผ่านตัวกลางคืออากาศไปยังหู เสียงผ่าน ก๊าซ ของเหลว และของแข็งได้ เสียงจะมีระดับเสียงหลายระดับที่แตกต่างกัน ได้แก่ เสียงสูง กลาง ต่ำ ดัง เบา ทั้งนี้ เสียงจะเกี่ยวข้องกับอวัยวะของตัวเรา คือ หู ซึ่งเป็นประสาทสัมผัสสำคัญส่วนหนึ่งของมนุษย์ ใช้ฟังเพื่อการสื่อสาร คนเรารับรู้เสียงได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา เมื่อได้รับการกระตุ้นจากเสียง เพลง เสียงพ่อแม่พูดคุยด้วย นักวิจัยเกี่ยวกับสมองกล่าวว่า ทารกจะพัฒนาระบบการได้ยิน และระบบสมองที่เกี่ยวกับการได้ยิน (Tonotopic map)                                                                        

ครูสอนเรื่องเสียงให้ลูกที่โรงเรียนอย่างไร?


·         กิจกรรมเคลื่อนไหว และจังหวะ ใช้เครื่องดนตรีประกอบกิจกรรม เครื่องดนตรีที่ครูนำมาใช้ อาจเลือกได้ทั้งเครื่อง ดีด สี ตี เป่า เสียงดนตรีจากเครื่องดนตรีแต่ละชนิดจะให้เสียงแตกต่างกันไป เด็กได้ยินเสียงดนตรีพร้อมกับครูแนะนำชื่อเครื่องดนตรีให้เด็กได้รู้จัก 
·         กิจกรรมเสริมประสบการณ์ การจัดกิจกรรมเรื่องเสียง เป็นสาระความรู้ที่เด็กเรียนผ่านทักษะพื้นฐานทางวิทยา ศาสตร์ ทักษะทางสังคม ทักษะทางภาษา ตลอดจนเทคโนโลยีง่ายๆที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเด็ก
·         กิจกรรมสร้างสรรค์ เด็กๆจะมีความสนุกสนานเมื่อเรียนผ่านการเล่น เมื่อทำกิจกรรมสร้างสรรค์ท่ามกลางเสียง ดนตรีบรรเลง เด็กๆจะปั้นดิน วาดภาพระบายสี สะบัดสี พิมพ์ภาพ หยดสี หยดเทียน โรยทราย ขยำกระดาษ ตามจัง หวะเสียงที่เขาได้ยิน เป็นงานที่สร้างสรรค์ตามจินตนาการของเด็ก
·         กิจกรรมกลางแจ้ง ให้เด็กได้เล่นผ่านเกมที่ใช้เสียง เช่น เกมปิดตาตามหาเพื่อน วิธีเล่นคือ ให้ผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดปิดตา ส่วนเพื่อนที่เหลือจับมือเป็นวงกลมร้องเพลงหรือท่องคำคล้องจองว่า เพื่อนเอยมาทางนี้ ทายดูซิคนนี้คือใครผู้ที่ปิดตาจะเดินตรงไปหาเพื่อน เมื่อจับตัวเพื่อนไว้ แล้วให้ถามว่า เธอคือใคร ผู้ที่ถูกจับตัวจะต้องตอบว่า ฉันคือเพื่อนที่แสนดี เด็กที่ปิดตาจะต้องทายว่าผู้พูดชื่ออะไร ถ้าทายถูก เพื่อนคนนั้นจะต้องมาเป็นผู้ปิดตาแทน
·         เกมการศึกษา ฝึกประสาทหูด้านการฟังจากเกมง่ายๆ เช่น จับคู่ภาพเครื่องดนตรีกับเสียงดนตรีที่ได้ยิน ภาพคนวัยแตกต่างกันกับเสียงต่างๆ (เสียงร้องไห้ หรือ หัวเราะ) จับคู่เสียงที่มาจากวัสดุเดียวกัน 
·         กิจกรรมเสรี


การสอนเรื่องเสียงมีประโยชน์ต่อเด็กอย่างไร?


·                                          เด็กได้รับความรู้เรื่องเสียงที่ได้ยิน เป็นเสียงจากอะไร เป็นเรื่องราวที่อยู่ใกล้ตัวเด็กที่ควรรู้ เช่น เสียงของคน สัตว์ คลื่นลม ฝน น้ำไหล เสียงที่เกิดจากการกระทบของวัตถุต่างๆ แต่ละเสียงบ่งบอกความหมายด้วยเช่นกัน เช่นเสียงลมที่พัดแรงพัดกระทบกิ่งไม้ หรือ น้ำทะเล แสดงถึงภัยอันตราย เสียงสุนัขเห่ากระโชกบอกถึงความดุร้าย
·         เด็กจะเห็นคุณค่าและโทษของเสียง สิ่งที่เป็นธรรมชาติย่อมมีคุณและโทษเสมอ คนเราจึงที่ควรเรียนเพื่อเสริม สร้างประสบการณ์ ใช้เป็นพื้นฐานของการปฏิบัติตนในการดำรงชีวิตต่อไป เช่น เสียงที่เราพูดจา ทำให้เราสามารถติด ต่อกันจนเกิดเป็นสังคมของมนุษย์ เสียงดนตรีสร้างอารมณ์ความสุข เสียงจึงมีคุณค่าต่อคนเรา แต่ขณะเดียวกันหากเสียงดังมากไป อาจจะทำให้อันตรายต่อเยื่อแก้วหูของเรา คือทำให้เกิดการฉีกขาดของเยื่อแก้วหู และหูหนวกจนไม่ได้ยินเสียงได้
·         เด็กได้เรียนรู้ธรรมชาติของเสียงด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อฝึกความคิดเชิงเหตุผล และปลุกฝังจิตวิทยาศาสตร์ให้แก่เด็กเป็นผู้ใฝ่รู้ ใฝ่เห็น กระตือรือร้นที่จะแสวงหาความรู้ มีความสุขและความสนุกที่ทำงานร่วมกับผู้ อื่น เช่น ฝึกการสังเกตและจำแนกเสียงสัตว์ เสียงวัตถุต่างชนิดกระทบกระแทกกันย่อมมีเสียงแตกต่างกัน การสังเกตจากประสาทหู เป็นทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญประการหนึ่งที่ใช้พัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก ดังนั้นการที่เด็กจะต้องเป็นผู้ที่มีทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ คือ ทักษะการสังเกต ทักษะจำแนก ทักษะการวัด ทักษะการสื่อความ หมาย และทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมูลได้นั้น ครูสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เด็ก ได้สืบค้นจากเรื่องเสียง ให้เกิดประโยชน์ดังที่กล่าวมาแล้วได้เป็นอย่างดี
·         การติดต่อสื่อสารในสังคมของคนเรา เสียงใช้สื่อความหมายที่ทำให้เข้าใจความต้องการ เด็กๆได้รับการฝึกฝนการใช้เสียงเพื่อการเข้าสังคมที่เหมาะสม เช่นการเปล่งเสียงเบาและนุ่มนวล จะให้ความรู้สึกถึงจิตใจที่อ่อนโยน จึงเป็นที่รักและการยอมรับในสังคมหรือเป็นมารยาททางสังคมที่เหมาะสม แต่จะแตกต่างจากเสียงตะโกนดังๆ หรือที่เรียกว่าตะคอกนั้น จะไม่เป็นที่สบอารมณ์ของผู้ฟัง เป็นต้น การอบรมบ่มนิสัยเด็กให้ใช้เสียงเหมาะแก่กาลเทศะจึงเป็นการเสริมสร้างคุณลักษณะนิสัยของเด็ก

เกร็ดความรู้เพื่อครู

·         เสียงธรรมชาติที่ทำให้เด็กๆตกใจ เกิดความหวาดกลัว คือเสียง ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ครูควรเข้าใจสาเหตุของการเกิดเช่นนั้นว่า เสียงฟ้าผ่าเป็นเสียงที่เราได้ยินการสั่นสะเทือนของอากาศที่อยู่สูงขึ้นไปในก้อนเมฆ ซึ่งเกิดจากการขยายตัวอย่างรวดเร็ว

·         เครื่องบินเจ็ทเป็นเครื่องบินที่เคลื่อนที่รวดเร็วมาก บางครั้งจะเกิดการชนกับอากาศที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งกำลังสะเทือนอยู่แล้วจากเสียงของเครื่องบิน เสียงนั้นเดินทางเร็วอยู่แล้ว แต่เครื่องบินเจ็ทบินเร็วกว่า คนที่อยู่ข้างล่างจึงได้ยินเสียงที่ชนกันเหมือนเสียงระเบิดของอากาศดังลั่นไปหมด 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น